วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง

1-IMG0001474611075878 (Copy)


นิทานเรื่องที่ ๗
ของเขามีว่า นิทานเรื่องนี้ ชื่อเรื่อง "พระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง" ในนครโตเกียว สมัยศักราชเมจิ มีอาจารย์ที่เก่ง ๆ อยู่สองคน คนหนึ่ง ชื่อ อันโช เป็นครูบาอาจารย์ ในนิกาย ชินงอน คนนี้ ไม่ดื่มเลย อีกคนหนึ่ง ชื่อ แตนแซน หรือ ตานซาน ก็แล้วแต่จะเรียก เป็น ครูบาอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยด้วย ไม่เคยถือศีลเลย จึงดื่มจัด หรือ ละโมบ ในการบริโภค วันหนึ่ง อาจารย์อันโช ไปเยี่ยม อาจารย์ตานซาน กำลังดื่มอยู่พอดี อาจารย์ตานซาน ก็ถามว่า จะไม่ดื่มบ้าง เทียวหรือ คือกล่าวชักชวน ให้ดื่ม นั่นเอง อันโชก็

บอกว่า ไม่เคยดื่มเลย ตานซานก็ว่า คนที่ไม่เคยดื่ม เลยนั้นน่ะ ไม่ใช่คน ฝ่ายอันโช ก็ฉุนกึก นิ่งเงียบไป ขณะหนึ่ง ในที่สุด พูดขึ้นมาได้ว่า ท่านว่าฉันไม่ใช่คน เพราะเพียงแต่ฉันไม่ดื่ม ถ้าฉันไม่ใช่คนแล้ว ฉันจะเป็นอะไร อาจารย์ตานซาน ก็บอกว่า เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง แล้วนิทานของเขาก็จบ นี่เราจะฟังเป็นเรื่อง การโต้ตอบ ด้วยโวหาร ก็ได้ แต่ความจริง มันเป็นเรื่อง ที่มุ่งหมาย จะสอน ตามแบบวิธีของเขา ที่ให้คนสำนึกว่า คนนั้น ยังไม่เป็น พระพุทธเจ้า คนหนึ่ง ต่างหาก ที่ว่าเป็น พระพุทธเจ้า คนหนึ่ง ก็เพื่อจะสอนให้รู้ว่า ยังไม่เป็น พระพุทธเจ้า เลยมากกว่า ซึ่งทำให้ อาจารย์ คนนั้น ก็ชงักกึก ไปอีก เหมือนกัน เพราะมัน

ก็รู้ตัวอยู่ว่า เราก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า สักที แล้วเราก็ ไม่ใช่เป็นคนแล้ว มันจะเป็นอะไรกัน คนก็ไม่เป็น พระพุทธเจ้าก็ไม่เป็น แล้วเป็นอะไร ฉะนั้น เราเองก็เหมือนกัน เราเป็นครู ตามอุดมคติ หรือยัง หรือว่า ถ้าไม่เป็นครู มันก็ไม่ใช่ครู ถ้าเป็นครู ก็ต้องเป็นครู และการที่เขาว่า เราไม่ใช่คน เราไม่ควรจะโกรธเลย หรือแม้ว่า ครูจะถูกกล่าวหาว่า อย่างนั้น อย่างนี้ เราก็ไม่โกรธ ถ้าจะพูดถึง พุทธะตามแบบ นิกายเซ็น ก็คือว่า ถ้าเรายังเป็นครู ตามอุดมคติ ไม่ได้ เราก็ยังเป็น พุทธะ ไม่ได้ อยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราจะพยายาม

ทำตน ไม่ให้เป็น อะไรเลย ให้มีจิตว่าง ไม่รู้สึกเป็นอะไรเลย ซึ่งหมายความว่า ให้อยู่เหนือ การถูกว่า หรือเขาว่ามา มันก็ไม่ถูก เราเป็นชนิดนั้น กันจะดีไหม คือว่า เราเป็นอะไร อย่างหนึ่ง ซึ่งใครจะว่าอะไร อย่างไรมา มันก็ไม่ถูกเรา มันก็คงไม่มีอะไร นอกจากเราเป็น "ว่างจากตัวเรา" ถ้าเราเป็นอย่างนี้ มันก็จะเป็นอย่างภูเขา ซึ่งลมจะพัดมา กี่ทิศกี่ทาง ก็ไม่สามารถ ทำให้ ภูเขา หวั่นไหวได้ ในบาลี มีคำกล่าวอยู่ ถ้าภูเขาเป็นหินแท่งหนึ่ง ฝังอยู่ในดิน ๑๖ ศอก โผล่อยู่บนดิน ๑๖ ศอก ลมไหนจะพัดให้หวั่นไหวได้ ถ้าเราว่างจาก ความยึดมั่นถือมั่น ว่าเรามีเกียรติ อย่างนั้นอย่างนี้ เราเป็นอะไร อย่างนั้นอย่างนี้ เมื่อนั้นแหละ เราจะเป็นบุคคล ที่ลมไหน พัดมาก็ไม่ถูก

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้คือ.................





ภาพจากงานสัปดาห์วัน วิสาขบูชา 15 - 28 พฤษภาคม 2553 วันที่ประกอบด้วยคุณพิเศษ คือ 1.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ 2.เป็นวันที่ต้นศรีมหาโพธิ์เกิดขึ้น 3.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ 4.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับชันธปรินิพพาน ในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 8(อาสาฬหบูชา)พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ปฏิสนธิ ในพระครรภ์พระนางมหามายาเทวีพร้อม ๆ กับแผ่นดินไหว (ขณะที่ปฏิสนธิในพระครรภ์มารดาไม่ใช่ขณะประสูติ) เทวดาต่างอารักขาพระโพธิสัตว์และพระมารดา พระมารดา ไม่มีความลำบากในการทรงพระครรภ์ พระมารดาย่อมได้ยศ ได้ลาภอันเลิศ ไม่มีความพอใจในบุรุษ พระโพธิสัตว์ทรงประสูติ ตามธรรมเนียมของสมัยนั้น สตรีเมื่อจะคลอดย่อมคลอดที่สกุลเดิมหรือบ้านของบิดา มารดาของตน พระนางมหามายาเทวีจึงมีพระประสงค์จะไปที่กรุงเทวทหะอันเป็นเมือง ของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ เมื่อเสด็จถึงป่าสาลวันชื่อลุมพินีวัน ขณะนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง พระเทวีมี 

ประสงค์จะเล่นในสวนสาลวัน พระนางมีประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมมาที่พระหัตถ์ และลมกัมมัชวาตก็เกิดขึ้น มหาชนจึงล้อมม่านแล้วถอยออกไป พระนางได้ยืนจับกิ่ง สาละนั่นแลได้ประสูติแล้ว ในขณะนั้นนั่นเองท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์ ๔ องค์ ก็มาถึงพร้อมกับถือข่ายทอง มาด้วยเอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา พลางทูลว่าข้าแต่พระเทวีขอพระองค์จงดีพระทัยเถิดพระราชบุตรของพระองค์ มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้วพระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดินทอดพระเนตรดู ทิศตะวันออกจักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นที่โล่งเป็นอันเดียวกันพวกเทวดาและ มนุษย์ในที่นั้นต่างพากัน บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น กราบทูลว่าข้าแต่ท่าน บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มีคนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหนพระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศให้ทิศเล็กแม้ทั้ง 10 คือทิศใหญ่ 4 ทิศเล็ก 4 เบื้องล่างเบื้องบนก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นกับตนต่อจากนั้นประทับยืนที่ พระบาทที่ 7 ทรงเปล่งอาสภิวาจา วาจาแสดงความยิ่งใหญ่ว่าเราเป็นผู้เลิศในโลกเราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกเราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในโลกการเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้ายบัดนี้ภพใหม่ไม่มีต่อไปย้อนรำลึกเหตุการณ์ใน วันวิสาขบูชา

ตรัสรู้ในเวลาเช้าของวันเพ็ญเดือน 6 วันวิสาขบูชา ขณะนั้นมีพระชนมายุ 35 พระชันษา ขณะนั้นทรงประทับที่ต้นไทรนาง สุชาดา นำข้าวมธุปายาสที่ใส่ถาดทองมาถวายพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงรับและเสวยข้าวมธุปายาสแล้วได้ เสด็จไป ที่ท่าน้ำเนรัญชราพระองค์ทรงอธิษฐานว่าหากเราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไปเมื่อพระองค์ทรงปล่อยถาดลงในกระแสน้ำถาด นั้นก็ ลอย ทวนกระแสน้ำและได้จมลงไปในที่อยู่ของนาคราชเมื่อถึงเวลาเย็น นายโสตถิยะก็ถวายหญ้า 8 กำ กับพระโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ทรงวางหญ้าที่โพธิ บัลลังก์ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงประทับนั่งแล้วอธิษฐานว่าหากเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วแม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้ง ไปก็จะไม่ลุกไปเด็ดขาด

พระองค์ทรงกำจัดมารในเวลาเย็นในเวลาปฐมยามทรงระลึกชาติได้แต่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลามัจฌิมยาม พระองค์ทรงเห็น สัตว์เกิดสัตว์ตายด้วยพระญาณแต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลาปัจฉิมยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา.เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ได้เปล่งพระอุทานที่พระพุทธเจ้าทั้งปวงมิได้ทรงละว่าเราเมื่อแสวงหานายช่าง(คือตัณหา)ผู้กระทำ เรือนเมื่อไม่ประสบได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่ น้อยความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้ กระทำเรือนเราเห็นท่านแล้วท่านจักทำเรือนไม่ได้ อีกต่อไปซี่โครงทั้งปวงของท่านเราหักแล้วยอด เรือนเรากำจัดแล้วจิต(ของเรา)ถึงวิสังขาร(นิพพาน) แล้วเราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คืออะไรในปัจฉิมยามพระองค์ทรงพิจารณา ปฏิจจสมุปบาท นั่นก็คือพระองค์ทรงตรัสรู้สัจจะ ความจริงที่เป้นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ทรงตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ใชสัตว์ บุคคล อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะมีความไม่รู้ จึงมีสภาพ ธรรมอื่น ๆ เกิดวนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ ไม่มีที่สิ้นสุดแต่เมื่อวิชชา คือปัญญาเกิดก็สามารถดับสังสารวัฏฏ์ได้พระองค์ตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียงสภาพธรรมด้วย

ปัญญา ของพระองค์ตามความเป็นจริงการจะรู้ความจริงจึงรู้ขณะนี้ด้วยการฟัง การศึกษาให้ เข้าใจสภาพธรรมทำ หน้าที่เองให้ปัญญาเจริญขึ้นจนประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่มี ในขณะนี้ย้อนรำลึกเหตุการณ์ในวันวิสาขบูชาปรินิพพานในวัน มาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงปลงมายุสังขาร ณ.ปาวาลเจดีย์จากนี้ไปอีก 3 เดือน เราจะปรินิพพานพระองค์ทรงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่าชนเหล่าใดทั้งเด็กผู้ใหญ่ - ทั้งพาล - ทั้งบัณฑิต - ทั้งมั่งมีทั้ง - ขัดสน ล้วนมีความตาย เป็นเบื้องหน้าภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำทั้งเล็กทั้งใหญ่ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความ แตกเป็นที่สุดฉันใดชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลายพวก เธอจงไม่ประมาทมี สติ มีศีลด้วยดีเถิดจงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดีจงตามรักษา จิตของตนเถิดผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ผู้นั้นจักละชาติสงสารแล้ว จะกระทำที่สุดทุกข์ได้ในวันวิสาขบูชา

พระพุทธองค์เสด็จไปที่เมืองกุสินารา แม้จะลงพระโลหิตอย่างมาก ใกล้จะปรินิพพานแล้วแต่พระองค์ก็เสด็จไปเพื่อที่จะโปรดสุภัททะปริพาชกให้บรรลุ ธรรมและเพื่อที่จะแสดงมหาสุทัสสนสูตรเพื่อให้มหาชนได้ฟังพระธรรมและอีกเหตุผล หนึงคือหากพระองค์ปรินิพพานที่กุสินาราจะไม่มีการทะเลาะกันในเรื่องของการแบ่งพระ ธาตุจะเห็นได้ถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์แม้พระองค์จะปรินิพานแล้วก็ยังช่วย สัตว์โลกแม้จะทรงประชวรอย่างหนักก็ตาม พระพุทธเจ้าเสด็จถึงป่าสาลวัน รับสั่งให้พระอานนท์จัดเตียงหันพระเศียรไปทาง ทิศเหนืออันอยู่ระหว่างต้นสาละคู่ครั้งนั้นเทวดาและมนุษย์ต่างบูชาด้วยดอกไม้ของ หอมมากมาย พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์การบูชา ด้วยสักการะเหล่านี้ อามิสบูชา ยังไม่

ชื่อว่าสักการะ เคารพพระองค์จริง แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ชื่อว่าบูชาพระองค์ นั่นคือการให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมเจริญกุศลทุกประการจนถึง การดับกิเลสได้เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องสังเวชนียสถานว่าเป็นที่ที่ควรระลึกถึง ควรเห็นของผู้มี ศรัทธาเมื่อพระศาสดาล่วงไปแล้ว พระอานนท์ร้องไห้ที่ประตูวิหาร พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียก พระอานนท์ และเตือนว่า ทุกสิ่งมีความแตกสลายไปธรรมดาเธออย่าประมาทจงทำที่สุดทุกข์และตรัสสรรเสริญพระอานนท์มากมายพระพุทธเจ้าทรงโปรดสุภัททะปริพพาชกจนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเธออย่าสำคัญว่าศาสดาล่วงไปแล้วจะหาพระศาสดาไม่ได้ พระธรรมของเราจะเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อพระภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว พระองค์ได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลายบัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่าสังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาพวกเธอจงยังความ ไม่ประมาทให้ถึง

พร้อมเถิดนี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต. พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและออกจากฌานและทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานดับรอบซึ่งสังขารธรรมและขันธ์ทั้งหลายในคืนวันวิสาขบูชาพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไปไหน ? นิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อจุติจิตของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เกิดขึ้นก็ไม่มีเหตุปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดจึงไม่เป็นเหตุให้มีขันธ์ 5 เกิดขึ้นอีกจึงไม่ สามารถกล่าวได้ว่าไปที่ไหนเหมือนเปลวเทียนเมื่อดับไป เปลวเทียนไปไหนช่างตี เหล็กใช้ฆ้อนเหล็กเมื่อตีเหล็กติดไฟแล้วไฟก็ดับไปไฟไปไหนพระอรัหันต์ผู้ดับ กิเลสแล้วเมื่อปรินิพพานจึงหา(คติ)ที่ไปไมได้อีก

รากฐานแห่งความสุข

OSs18q.jpg


ความผูกพันรักใคร่ในครอบครัว เป็นรากฐานของความสุขแห่งชีวิต เป็นรากฐานความเป็นปึกแผ่นของสังคม ของประเทศเทศชาติและของโลกในที่สุด ชีวิตสังคมย่อมตั้งต้นมาจากครอบครัว ถ้าครอบครัวแตกแยก หรือครอบครัวขาดความรักใคร่ผูกพันต่อกัน ชีวิตในสังคมจะแตกแยกประดุจเงาตามตัว ผลตามของสังคมแตกแยกทราบกันดีอยู่แล้ว เช่นเรื่องของโรคจิต - โรคประสาทและเรื่องของ อาชญากรรม เรื่องของเด็กเกเร เป็นต้น ....
จากวาทะของศาสตราจารย์ นายแพทย์ ฝน แสงสิงแก้ว

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557







จ้าวเหวินหวังทรง โปรดปรานลุ่มหลงกระบี่มาก บรรดานักกระบี่ต่างหลั่งไหลมายังราชสำนักของเขา มากมายถึงกว่าสามพันคน อาคันตุกะเหล่านี้ ได้เข้าประลองกระบี่กันทั้งวันคืนต่อหน้าพระพักตร์ และมีผู้ตายและบาดเจ็บกันนับร้อยในแต่ละปี จ้าวเหวินหวังชมการ ประลองกระบี่เหล่านี้อย่างเมามัน มิรู้หน่าย เป็นเวลาถึง 3 ปี กระทั่งแคว้นจ้าวของพระองค์ค่อย ๆเสื่อมถอยลง บรรดาเจ้าเมืองอื่น ๆ ต่างฉวยโอกาสลุกฮือต่อต้าน รัชทายาทคุยทรงกลัดกลุ้ม หารือกับข้าราชบริพาร ข้าฯจะตบรางวัลเป็นทองพันก้อนแก่ผู้

สามารถโน้มน้าวกษัตริย์ ให้เลิกการประลองกระบี่ ! จวงจื่อสามารถทำได้ ข้าราชบริพารผู้หนึ่งเสนอ ดังนั้น รัชทายาทจึงได้ส่งผู้แทนพร้อมด้วยทองพันก้อนไปกำนัลแก่จวงจื่อ จวงจื่อไม่ยอมรับของกำนัลนั้น แต่ก็ได้ร่วมเดินทางมาพร้อมกับผู้แทน มาเข้าเฝ้ารัชทายาท ฝ่าบาทต้องการให้ข้าฯกระทำสิ่งใด จึงได้ส่งของกำนัลเป็นทองถึงพันก้อนมาให้ข้าฯ ? จวงจื่อถาม ข้าฯได้ยินมาว่า รัชทายาททรงกล่าว ท่านเป็นปราชญ์ผู้ปราดเปรื่อง จึงปรารถนาที่จะได้คารวะท่าน และประทานทองพันก้อนนี้ เป็นของกำนัลแด่การมาเยือนของท่าน แต่หากท่านมิรับมันไว้ ข้าฯก็ไม่อาจที่จะกล่าวอะไรอีกต่อไป จวงจื่อจึงกล่าวว่า ข้าฯ

ได้ยินมาว่ารัชทายาททรงประสงค์ไหว้วานข้าฯ ช่วยกำจัดสิ่งที่กษัตริย์ ทรงโปรดปราน หากสิ่งที่ข้าฯกล่าวออกไป ทำให้พระองค์โกรธกริ้ว ข้าฯก็หนีไม่พ้นโทษประหาร หากผลปรากฏออกมาเช่นนี้ ข้าฯจะได้นำทองพันก้อนไปใช้ได้อย่างไรหรือ ? และหากข้าฯประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวพระองค์ และฝ่าบาทก็สมพระทัย จะมีสิ่งใดในแคว้นจ้าวอันยิ่งใหญ่ ที่ท่านจะมิอาจประทานแก่ข้าฯ ? ถ้าเช่นนั้น บัดนี้ ปัญหาก็อยู่ที่ว่า...รัชทายาททรงเอ่ยขึ้น “พระบิดาของข้าฯ จะไม่ทรงพบใครทั้งสิ้น นอกจากนักกระบี่ ดีล่ะ ! ข้าฯก็มีวิทยายุทธกระบี่เช่นกัน จวงจื่อกล่าว แต่นักกระบี่ที่พระบิดาของข้าฯจะทรงให้เข้าพบนั้นจะต้องมีผมกระเซิง หนวดเคราชี้ชัน สวมหมวกห้อยต่ำลงมา ผูกด้วยเชือดหยาบ ๆ ด้านหลังของตัวเสื้อตัดสั้น จ้องมองอย่างดุดัน ไม่พูดไม่จา พระองค์ทรงโปรดคนแบบนี้ ! หากท่านจะไปเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยชุด

อย่าง ผู้คงแก่เรียนเช่นนี้ แผนการต่าง ๆ ก็จะล้มเหลวไปเสียแต่ต้น ถ้าเช่นนี้ เตรียมชุดนักกระบี่ให้ข้าฯด้วยจวงจื่อกล่าว สามวันต่อมา เขาก็แต่งชุดนักกระบี่ เข้าไปเฝ้าจ้าวเหวินหวังพร้อมด้วยกับรัชทายาท ฝ่ายกษัตริย์ทรงถือกระบี่คมแวบ รอรับอาคันตุกะ จวงจื่อเดินเข้าไปอย่างแช่มช้า มองไปที่กษัตริย์ โดยที่มิได้คุกเข่าถวายบังคม กษัตริย์ทรงตรัสถามขึ้นว่า ท่านให้รัชทายาทอุตส่าห์มาแนะนำท่านแก่ข้าฯ ท่านมีสิ่ง

ใดที่จะสั่งสอนข้าฯหรือ ? ข้าฯได้ยินมาว่าพระองค์ทรงโปรดปรานกระบี่มาก ดังนั้น จึงมาแสดงเพลงกระบี่ของข้าฯ ให้พระองค์ทอดพระเนตร เพลงกระบี่ของท่านมีความโดดเด่นอย่างไร จ้าวหวัง รับสั่งถาม เพลงกระบี่ของข้า ฯ ในทุกๆ 10 ก้าว สามารถสังหารศัตรูได้ 1 คน และสามารถร่ายรำเพลงกระบี่ไกลถึงหนึ่งพันลี้โดยที่คมมีดไม่ทื่อเลย! จ้าวหวังได้ฟังเช่นนี้ ก็รู้สึกพึงพอใจมาก ทรงอุทานขึ้นว่า ท่านคงจะมิมีศัตรูเลยในใต้หล้านี้ ! เมื่อข้าฯปะกระบี่กับคู่ต่อสู้ ก็จะแสดงจุดอ่อนของตัวเอง ให้โอกาสแก่ปฏิปักษ์ก่อน เริ่มลงมือทีหลังแต่บรรลุถึงก่อนแสดงความว่างเปล่า จู่โจมด้วยพลังแกร้วกล้า ขอข้า ฯได้แสดงวิทยายุทธ

ของข้าฯ ? กษัตริย์ตรัสว่า ท่านออกไปก่อน ไปรอที่ที่รับรองของท่าน คอยคำสั่งจากข้า ฯ เมื่อข้าฯเปิดการประลอง ก็จะเรียกท่านมา กษัตริย์ได้ใช้เวลา 7 วัน ในการทดสอบฝีมือของนักกระบี่ของพระองค์ และก็มีนักกระบี่ถึง 60 คน ได้ล้มตายและบาดเจ็บระหว่างการประลองนี้ มีเพียงห้าหรือหกคนที่รอดชีวิต และได้รับคำสั่งให้เข้าสู่สนามประลองที่นอกท้องพระโรง พระองค์ได้รับสั่งไปยังจวงจื่อ ตรัสว่า วันนี้ เราจะมาดูกันว่าท่านจะปะกระบี่กับจอมกระบี่เหล่านี้อย่างไรจวงจื่อกล่าวว่า ข้าฯกระหายรอโอกาสนี้มานานแล้ว ท่านต้องการอาวุธแบบใด?กษัตริย์ตรัสถาม กระบี่ยาวหรือกระบี่สั้น? ข้าฯพร้อมที่จะใช้อาวุธแบบใดก็ได้ทั้งสิ้น ข้าฯมีกระบี่สามเล่ม พระองค์เพียงแต่รับสั่งมาว่าต้องการให้ข้าฯใช้กระบี่เล่มไหน ข้าฯจะอธิบายเกี่ยวกับกระบี่เหล่านี้ ก่อนที่จะนำออกใช้ต่อสู้จงเผยสรรพคุณกระบี่ทั้งสามเล่มของท่านกษัตริย์รับสั่งมีกระบี่แห่งโอรสสวรรค์ กระบี่เจ้าครองเมือง และกระบี่สามานย์ กระบี่โอรสสวรรค์เป็นเช่นใดหรือ ? กษัตริย์ตรัสถาม กระบี่แห่งโอรสสวรรค์? มีกำแพงหินแห่งเยียนซีเป็นปลายกระบี่ ขุนเขาไท่ซันแห่งแคว้นฉีเป็นคมมีด แคว้นจิ้นและแคว้นเว่ยเป็นสันกระบี่ แคว้นโจวและแคว้นซ่งเป็นจรดท่าป้องกัน แคว้นหานและแคว้นเว่ยเป็นด้าม ชนเผ่าคนเถื่อนทั้งสี่ห่มหุ้มไว้ ท่ามกลางอ้อมกอดของฤดูกาลทั้งสี่ และทะเลป๋อไห่ล้อมรอบ ขุนเขานิรันดร ฉางซัน เป็นสายรัดกระชับไว้มั่น กระบี่เล่มนี้ มีองค์ประกอบทั้งห้าปกครองอยู่ เป็นผู้ตัดสินการลงโทษและการปูนบำเหน็จรางวัล ใช้การลงทัณฑ์และการตบรางวัลบัญชาชี้นำ ดำเนินไปตามพลังของอินและหยัง ผ่อนพักในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน กวัดแกว่งสู้ศึกในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวเมื่อสะบัดแทงออกไปข้างหน้า ก็ไร้สิ่งใดอยู่เบื้องหน้า ไร้ผู้ใดอาจต้านทาน ตวัดชูขึ้นเบื้องสูง ก็ไร้สิ่งใดอยู่เบื้องบน ไม่มีผู้ใดอาจหลบซ่อน ฟันลงไป ก็ไร้สิ่งใด ณ.เบื้องล่าง ไม่มีผู้ใดหนีรอดไปกวัดแกว่งหมุนไปรอบ ๆ ก็ไร้สิ่งรายรอบไม่มีผู้ใดอาจเข้าใกล้ ณ.เบื้องบน ก็สามารถฝ่าหมู่ริ้วคลื่นเมฆา ณ เบื้องล่าง ก็สามารถฟันแยก

ใจกลางแผ่นดิน เมื่อใช้กระบี่เล่มนี้ เหล่าเจ้าเมืองแว่นแคว้นต่าง ๆ ทั่วหล้าล้วนล่าถอยสยบยอม นี่คือกระบี่แห่งโอรสแห่งสวรรค์จ้าวหวังถึงกับตกอยู่ในอาการงงงันอึ้ง กว่าจะตรัสขึ้นว่า แล้วกระบี่แห่งเจ้าครองเมืองล่ะ เป็นเช่นไร? กระบี่เจ้าครองเมืองนั้นหรือ? มีผู้กล้าและทรงความสามารถเป็นปลายกระบี่ มีความบริสุทธิ์และตรงไปตรงมาเป็นคมมีด มีผู้ทรงคุณความดีเป็นสันกระบี่ มีผู้จงรักภักดีและทรงปัญญาเป็นจรดท่าป้องกัน มีวีรบุรุษและอัจฉริยะภาพเป็นด้าม กระบี่เล่มนี้ก็เช่นกันเมื่อสะบัดแทงออกไปข้างหน้า ก็ไร้สิ่งใดอยู่เบื้องหน้าเมื่อตวัดชูขึ้น ก็ไร้สิ่งใดอยู่เบื้องบนเมื่อซัดลงไป ก็ไร้สิ่งใดอยู่เบื้องล่างเมื่อกวัดแกว่งไปรอบ ๆ ก็ไร้สิ่งใดอยู่รายรอบ ณ เบื้องบน ก็ได้ถือแบบอย่างตามความกลมของฟ้า ดำเนินไปตามลำแสงแห่งดวงตะวัน จันทรา และดวงดารา พื่อที่จะประสานกลมกลืนกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ณ เบื้องล่าง ก็ได้ถือแบบอย่างสี่เหลี่ยมของแผ่นดิน ดำเนินไปตามฤดูกาลทั้งสี่ ณ กึ่งกลาง ก็ได้บรรสานกลมกลืนกับจิตใจของประชาชน และบันดาลความสงบศานติแก่ทิศทั้งสี่ กระบี่เล่มนี้ เมื่อนำออกใช้ ก็แผ่พลานุภาพอัน ดุดันดั่งสายฟ้าฟาด ไม่มีผู้ใดจากชายแดนทั้งสี่ของแคว้น ที่จะไม่ยอมหมอบก้มมอบตัวอยู่ใต้อำนาจ ไม่มีผู้ใดที่อาจละความสนใจ และไม่เชื่อฟังคำบัญชาของผู้ปกครอง นี่คือกระบี่แห่ง

เจ้าครองเมือง กษัตริย์ตรัสถามในทันใดว่าและกระบี่สามานย์ เป็นอย่างไร ? กระบี่สามานย์หรือ? เป็นกระบี่ของนักดาบผมเผ้ากระเซิงหนวดเคราชี้ชัน สวมหมวกห้อยลงต่ำ ผูกด้วยเชือกหยาบ ๆ เสื้อที่มีด้านหลังตัดสั้น จ้องมองอย่างดุดัน และเอ่ยคำพูดคำจาอย่างยากเย็นเหลือแสน พวกเขาได้ฟาดฟันประหัตประหารอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์.....ณ. เบื้องบน มันได้บั่นศีรษะและคอณ เบื้องล่าง ก็ได้เชือดเฉือนตับและปอด ผู้ซึ่งได้กวัดแกว่งกระบี่สามานย์นี้ ไม่ผิดอะไรจากไก่ชน ที่อาจถูกเด็ดชีวิตใน ทุก ๆ รุ่งเช้า คนเหล่านี้ ไร้ประโยชน์ใด ๆในการปกครองแผ่นดินบัดนี้พระองค์ครองฐานะสูงส่งถึงโอรสสวรรค์ พระองค์ยังคงลุ่มหลงในกระบี่สามานย์ ช่างน่าละอายโดยแท้ ! นับแต่นั้นมา จ้าวหวังก็ทรงไม่ดำเนินออกจากพระตำหนัก ปรากฏพระวรกายขึ้นเลย เป็นเวลาถึงสามเดือน และเหล่านักดาบต่างก็ได้อัตวินิบาตกรรมในที่รับรองของตน Sword

manager online
 

ลานรัก - ลานเท โดยพระอาจารย์ พร ภิรมณ์




15 February 2014

พระภิกษุ พร ภิรมณ์ ถึงแก่มรณะภาพละสังขารเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2553 ณ.โรงพยาบาลสงฆ์ ศิริรวมอายุ 82 ปี เมื่อครั้งวัยเด็กข้าพเจ้าชอบท่านร้องเพลงมาก ดาวลูกไก่เคยเปิดวิทยุฟังซึ่งสมัยนั้น จัดรายการโดย คุณ ประจวบ จำปาทองกลับจากโรงเรียนทำการบ้านและเปิดฟังและสมัยนั้น คุณ ประจวบ จำปาทองยังอ่านข่าวชาวบ้านสลับกับการเปิดเพลงแนวลูกทุ่งล้วน ๆ ประมาณ 15.45 นาที หลังจากจบรายการของคุณ ประจวบ จำปาทองแล้ว ก็ยังมีอีกรายการหนึ่งซึ่งเป็นรายการข่าวชาวบ้านภาคเย็นจัดรายการโดย คุณ วุฒิ เววุจันทร์ การอ่านข่าวของทั้ง 2 ท่านมันส์ในอารมณ์มากขนาดได้ยินแค่เสียงเท่านนั้นก็นึกภาพ
ออกเลยว่าเหตุการณ์ ในข่าวนั้นเป็นอย่างไรในยุคเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นวิทยุเป็นที่นิยมฟังกันมากมีทั้งนิยายรักโรแมนติก นิยายบู๊ซึ่งข้าพเจ้าจำได้มี เพียงคณะเดียวก็คือ คณะ แก้วฟ้า และคณะ เสนีย์ บุษประเกศ และจำได้อีกว่ามี คุณ จิระภา ปัญจศีล จัดละครวิทยุด้วย และอีกคณะหนึ่งที่ลืมไม่ได้ คือ คณะ กันตนา ซึ่งยังคงอยู่ถึงในยุคปัจจุบันเมื่อราวประมาณปี 2518 ฟังละครวิทยุเรื่อง เงินปากผี มันส์มากติดกันงอมแงมแต่ตอนนั้นอยู่ในวัยทำงานแล้วทำงานไปด้วยฟังไปด้วยเพื่อนในที่ทำงานก็ฟัง งานก็เดิน - เพลินกับงาน เงินปากผี ถ้าจำไม่ผิดเป็นงานประพันธ์ของคุณ เสน่ห์ โกมารชุน ถ้าจำผิดต้องขออภัยด้วย

ความคิด

P_000109000920200901

IMG_00303

ความคิดสมัย
ป.1
เพื่อนที่ดีคือคนที่ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนคุณ แล้วก็จับมือคุณระหว่างเดินผ่านห้องโถงที่น่ากลัว
ความคิดสมัย
ป.2
เพื่อนที่ดีคือคนที่ทำให้คุณเข้าเรียนคลาสที่ไม่อยากเรียน (มั้ง) ?
ความคิดสมัย ป.3
พื่อนที่ดีคือคนที่แบ่งอาหารกลางวันให้คุณ เมื่อคุณลืมกล่องข้าวไว้ที่บ้าน =?
ความคิดสมัย ป.4 เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมเปลี่ยนคู่เต้นในวิชาลีลาศเมื่อคุณ ไม่อยากจับคู่เต้นอยู่กับนิกจอมลามกหรือเอ็มกลิ่นแรง


สรว ตถาคตา ธิษฺฐาน หฤทย คุหฺย ธาตุ ครณฺฑ มุทฺราธารณีสูตฺร

เสรีภาพ




เสรีภาพมิใช่เศษเสี้ยว แต่อยู่ในจิตใจที่เต็มเปี่ยม จิตใจชนิดนี้มีเสรีภาพ แต่มันก็หารู้ไม่ว่ามันมีเสรี เพราะสิ่งรู้นี้อยู่ในมิติของเวลา จากอดีตมาสู่ปัจจุบันถึงอนาคต กระบวนการทั้งหมดคือกาลเวลา และกาลเวลาหาใช่ส่วนประกอบของเสรีภาพไม่ เสรีภาพมิได้อยู่ในการเปลี่ยนที่คุมขัง เปลี่ยนคุรุ พร้อมอำนาจอันโง่

เขลา อำนาจบงการชนิดนั้น ไม่เคยก่อให้เกิดความมีระเบียบเรียบร้อยอย่างแท้ จริงได้ ตรงข้ามกลับก่อให้เกิดความระส่ำระสาย และจากความสับสนปั่นป่วนนี้เอง ที่อำนาจถือกำเนิดขึ้น เสรีภาพในการที่จะเลือกในตัวของมันเองขัดแย้งกับเสรีภาพที่แท้จริง การเลือกมีอยู่ก็ต่อเมื่อ มีความสับสน ปกติสุขอย่าง

สมบูรณ์คือแสงสว่างแห่งเสรีภาพ ปกติสุขนี้มิใช่บุตรธิดาของความคิด ด้วยเหตุว่ากิจกรรมทั้งมวล ซึ่งผุดขึ้นมาจากความคิด ล้วนเป็นเพียงการแบ่งแยกและเศษเสี้ยว ความรักไม่ใช่เศษเสี้ยวของความคิด ของความพึงพอใจ การหยั่งรู้ถึงสิ่งนี้คือปัญญา ความรักและปัญญาเป็นของคู่กัน จากจุดนี้เองที่ก่อเกิดกิจกรรมซึ่ง ไม่นำไปสู่ทุกข์ เพราะความเป็นปกติสุขคือรากฐานของมัน....................................


freedom

鼓勵第的話 第六章

EImgBy.jpg

QwpxrP.jpg



ผู้ที่มีความเชื่อมั่นและมั่นใจ จะเข้มแข็งและไม่หวั่นไหว ในสถานการณ์ที่สำคัญ ขอให้รับมือกับการท้าทายทุกอย่างด้วยความร่าเริงยินดี ด้วยความเชื่อมั่นเช่นนี้ ขอให้ทั้งหมดก้าวหน้าไปด้วยกันมุ่งสู่ อนาคตอันสดใสได้ 


QJEUBP.jpg